โรคแอนแทรคโนส Anthracnose
สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Botryodiplodia sp., Melanconium sp. และ Glomerella sp.
ลักษณะอาการ
โดยทั่วไปจะเกิดแผลที่ทำให้เนื้อเยื่อของพืชตาย (necrosis) มีลักษณะยุบตัวลงอาการแตกต่างกันตามเชื้อสาเหตุ ดังนี้
1. เกิดจากเชื้อรา Botryodiplodia
ในระยะแรกเกิดจุดใสลักษณะโปร่งแสงบริเวณใกล้ยอดหรือปลายใบ จุดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และขยายใหญ่ขึ้น มีวงสีเหลืองล้อมรอบแผลต่อมาแผลขยายตัวรวมกันเจนเต็มพื้นที่ปลายใบ กลางแผลเริ่มแห้งเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มีจุดสีดำเกิดบนแผลและเรียงตัวกันตามขวาง ซึ่งเชื้อราจะสร้างสปอร์ขึ้นภายในจุดเหล่านี้
2. เกิดจากเชื้อรา Melanconium
ลักษณะอาการในระยะแรกเกิดจุดใสเล็กบนใบ ต่อมาจุดใสเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลใสมีลักษณะฉ่ำน้ำ เกิดแผลเซลล์แห้งตายมีวงสีเหลืองล้อมรอบแผล บริเวณกลางแผลแห้งรวดเร็วกว่าแผลที่เกิดจากเชื้อรา Botryodipoldia แต่ความรุนแรงจะน้อยกว่าแผลมีขอบชัดเจน มักเกิดจากปลายใบ ต้นกล้า แสดงอาการของโรคเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม โดยเฉพาะในสภาพที่มีความชื้นสูง
3. เกิดจากเชื้อรา Glomerella
ระยะแรกเกิดจุดแผลสีน้ำตาลฉ่ำน้ำระหว่างเส้นใยและขยายตัวตามยาว เป็นรอยขีดมีสีน้ำตาลหรือดำล้อมรอบด้วยวงสีเหลือง สุดท้ายเนื้อเยื่อกลางแห้งแผลจะแห้ง เนื่องจากเซลล์ตายทำให้ใบขาดรุ่งริ่ง เชื้อราสร้างจุดดำ ๆ (Acervuli) ออกมาจาก epidermis เมื่อ acervuli แก่จะสร้างสปอร์สีชมพูเป็นเมือกสปอร์จาก acervuli ถูกน้ำฝนหรือน้ำจากการให้น้ำชะไปยังส่วนอื่นของใบหรือใบอื่นข้างเคียง ทำให้เกิดเป็น secondary infection
การแพร่ระบาด
เกิดจากลมพัดสปอร์ของเชื้อปลิวไปตกบนใบปาล์มน้ำมัน หยดน้ำที่มาจากการให้น้ำหรือจากน้ำฝน
การป้องกันกำจัด
สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Botryodiplodia sp., Melanconium sp. และ Glomerella sp.
ลักษณะอาการ
โดยทั่วไปจะเกิดแผลที่ทำให้เนื้อเยื่อของพืชตาย (necrosis) มีลักษณะยุบตัวลงอาการแตกต่างกันตามเชื้อสาเหตุ ดังนี้
1. เกิดจากเชื้อรา Botryodiplodia
ในระยะแรกเกิดจุดใสลักษณะโปร่งแสงบริเวณใกล้ยอดหรือปลายใบ จุดเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล และขยายใหญ่ขึ้น มีวงสีเหลืองล้อมรอบแผลต่อมาแผลขยายตัวรวมกันเจนเต็มพื้นที่ปลายใบ กลางแผลเริ่มแห้งเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล มีจุดสีดำเกิดบนแผลและเรียงตัวกันตามขวาง ซึ่งเชื้อราจะสร้างสปอร์ขึ้นภายในจุดเหล่านี้
2. เกิดจากเชื้อรา Melanconium
ลักษณะอาการในระยะแรกเกิดจุดใสเล็กบนใบ ต่อมาจุดใสเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลใสมีลักษณะฉ่ำน้ำ เกิดแผลเซลล์แห้งตายมีวงสีเหลืองล้อมรอบแผล บริเวณกลางแผลแห้งรวดเร็วกว่าแผลที่เกิดจากเชื้อรา Botryodipoldia แต่ความรุนแรงจะน้อยกว่าแผลมีขอบชัดเจน มักเกิดจากปลายใบ ต้นกล้า แสดงอาการของโรคเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสม โดยเฉพาะในสภาพที่มีความชื้นสูง
3. เกิดจากเชื้อรา Glomerella
ระยะแรกเกิดจุดแผลสีน้ำตาลฉ่ำน้ำระหว่างเส้นใยและขยายตัวตามยาว เป็นรอยขีดมีสีน้ำตาลหรือดำล้อมรอบด้วยวงสีเหลือง สุดท้ายเนื้อเยื่อกลางแห้งแผลจะแห้ง เนื่องจากเซลล์ตายทำให้ใบขาดรุ่งริ่ง เชื้อราสร้างจุดดำ ๆ (Acervuli) ออกมาจาก epidermis เมื่อ acervuli แก่จะสร้างสปอร์สีชมพูเป็นเมือกสปอร์จาก acervuli ถูกน้ำฝนหรือน้ำจากการให้น้ำชะไปยังส่วนอื่นของใบหรือใบอื่นข้างเคียง ทำให้เกิดเป็น secondary infection
การแพร่ระบาด
เกิดจากลมพัดสปอร์ของเชื้อปลิวไปตกบนใบปาล์มน้ำมัน หยดน้ำที่มาจากการให้น้ำหรือจากน้ำฝน
การป้องกันกำจัด
- จัดระบบการให้น้ำโดยให้น้ำแบบเป็นฝอยมาก ๆ เพราะถ้าให้น้ำมากหยดน้ำที่ใหญ่จะทำให้เกิดแผลบนใบได้เป็นช่องทางให้เชื้อเข้าทำลายได้
- ไม่ควรวางต้นกล้าชิดเกินไป
- เพาะต้นกล้าจากเมล็ดงอก เพื่อเป็นการจะลดอาการช็อคเนื่องจากการย้ายต้นกล้า จะดีกว่าการเพาะจากต้นกล้าที่เปลือยราก
- เมื่อพบต้นกล้าที่แสดงอาการโรคควรนำต้นที่เป็นโรคออกจากแปลงเพื่อลดการระบาด
- พ่นสารป้องกันกำจัดโรคพืช แคปแทน หรือไทแรม หรือไทอะเบ็นดาโซล ทุก 10 วัน เมื่อโรคระบาด